(Japan/essay-zone)
หากจะถามว่าการลงทุนในญี่ปุ่นในปี 2018 น่าสนใจไหม หลายคนอาจมองว่าน่าสนใจ หากพิจารณาจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังไม่ถอนการกระตุ้น
ผ่านนโยบายการเงินในเร็ววัน รวมถึงจีดีพี ก็เติบโตได้ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ ส่วนหนึ่งจากการท่องเที่ยวที่บูมสุดขีด รวมถึงนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ เพิ่งเสร็จสิ้นการเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการ โดยได้ตกลงกันในประเด็นการค้าและเกาหลีเหนือ ทว่าความเสี่ยงที่มักจะอยู่คู่กับญี่ปุ่นมาตลอดคือความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศ
โดยล่าสุด สำนักข่าวเกียวโด ได้ทำโพลล์สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐบาลญี่ปุ่นชุดปัจจุบัน ปรากฏว่าการสนับสนุนต่อคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ลดลง 5.4% ลงมาสู่ 37% จากข้อสงสัยเกี่ยวกับความโปร่งใสต่างๆ ในหลายกรณี ที่จะกล่าวถึงต่อไป นอกจากนี้ในประเด็นความไม่เห็นด้วยต่อคณะรัฐมนตรีเพิ่มขึ้นมาที่ 52.6% จาก 47.5% ในการทำโพลล์ของสำนักข่าวดังกล่าวเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ 79.4% ของผู้ตอบผลสำรวจยังไม่พึงพอใจกับคำอธิบายของนายอาเบะ ต่อข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการช่วยเหลือเพื่อนให้สามารถได้รับอนุมัติจากรัฐบาล ในการสร้างโรงเรียนด้านการสัตวแพทย์ที่ จ.เอฮิเมะ
ผมขอเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่นายอาเบะ กำลังอยู่ในมรสุมของความไม่เชื่อมั่นจากประชาชนชาวญี่ปุ่น ซึ่งกำลังจะส่งผลให้นายอาเบะ อาจจะไม่สามารถชนะการเลือกตั้งผู้นำพรรค LDP ในช่วงเดือน ก.ย.ที่จะถึงดังนี้
เริ่มจากสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า “Moritomo Gakuen Scandal” นั่นหมายถึงการขายพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลขนาด 8,770 ตารางเมตร ในเขตโอซาก้า ด้วยสนนราคาเพียง 134 ล้านเยน หรือคิดเป็น 14% ของราคาประเมิน สำหรับการก่อสร้างโรงเรียนประถมแห่งใหม่ที่ชื่อว่า Moritomo Gakuen ซึ่งมีนางอากิเอะ อาเบะ ภริยาของนายกฯ อาเบะ เป็นผู้บริหารกิตติมศักดิ์ ในประเด็นนี้เป็นหัวข้อหลักในการอภิปรายในสภาไดเอทของญี่ปุ่น ที่มีนักกฎหมายฝ่ายค้านคอยซักถามเจ้าหน้าที่รัฐบาล โดยในช่วงหลังมีการถ่ายทอดการซักถามแบบถึงลูกถึงคนต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลของฝ่ายค้านผ่านทางทีวี สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจดังกล่าว จึงทำให้คะแนนความนิยมของรัฐบาลญี่ปุ่นร่วงลงเรื่อยๆ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยสรุปของผลการอภิปรายนั้นคือเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยตีความหรือคาดเดาความต้องการของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งรวมถึงนายอาเบะว่าอยากขายที่ดินดังกล่าวให้ จึงยอมให้มีส่วนลดเพื่อเอาใจนาย ซึ่งดูแล้วแปลกๆ สำหรับคำอธิบายดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกที่ชาวญี่ปุ่นยังคลางแคลงใจต่อความโปร่งใสของนายอาเบะ
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งหน่วยงานใหม่ที่พูดง่ายๆ ว่า เอาไว้ดูแลพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ที่ไว้ปราบคอร์รัปชันหรือที่ชาวญี่ปุ่นเรีกว่า Sontaku ซึ่งชาวญี่ปุ่นยังมองว่าแม้แต่ผู้นำเบอร์หนึ่งยังไม่เคลียร์ตัวเอง แล้วจะตั้งหน่วยงานใหม่นี้ไว้เพื่ออะไร
มาถึงข้อกล่าวหาที่ฮอตไม่แพ้กันของนายอาเบะ ได้แก่ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการช่วยเหลือเพื่อนในการช่วยให้สามารถได้รับอนุมัติจากรัฐบาลในการสร้างโรงเรียนด้านการสัตวแพทย์ที่ จ.เอฮิเมะ โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นมาปีกว่าๆ แล้ว ทว่าเหมือนขว้างงูไม่พ้นคอ ฝ่ายค้านและสื่อมวลชนญี่ปุ่นก็นำกลับมาโจมตีนายอาเบะในระยะหลัง เนื่องจากมีเอกสารที่สำนักข่าวดังญี่ปุ่นไปหามาได้เป็นหลักฐานเบื้องต้นว่านายอาเบะอาจจะรู้เห็นในเรื่องนี้โดยตรง รายละเอียดในเรื่องนี้คือ นายคาเก้ กาคูเอน เพื่อนสนิทของนายอาเบะ ว่าได้อาศัยอำนาจของรัฐบาลนายอาเบะเร่งรัดกระบวนการการตั้งคณะสัตวแพทย์ขึ้นใหม่ ของมหาวิทยาลัยที่อยู่ในเขตเอฮิเมะ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอิสระพิเศษ ที่ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลและทำตามเงื่อนไข 4 ประการตามกฎหมายที่ออกมาในปี 2015 จากรัฐบาลของนายอาเบะเอง
อย่างไรก็ดี เพื่อให้นายคาเก้ สามารถเปิดคณะดังกล่าวขึ้นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ตามคำอภิปรายอย่างเผ็ดร้อนของนักการเมืองในสภาไดเอท ว่าเมื่อปลายปี 2016 รัฐบาลนายอาเบะได้เพิ่มเงื่อนไขว่าพื้นที่ใกล้เคียงกับคณะดังกล่าวต้องไม่มีการเปิดสอนวิชาดังกล่าว ซึ่งทำให้อีกมหาวิทยาลัยที่เป็นคู่แข่งกับนายคาเก้ต้องถอนตัวออกไป เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้เขตโอซาก้าที่มีการเปิดสอนวิชาดังกล่าว ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เพื่อนของตนเอง
ท้ายสุด แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับนายอาเบะโดยตรง แต่เป็นกรณีของเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดประจำกระทรวงการคลังญี่ปุ่นได้รับการกล่าวหาว่า มีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับนักข่าวสาวรายหนึ่ง ซึ่งมีการอภิปรายกันในสภาอย่างเผ็ดร้อนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนายทาโร อาโสะรัฐมนตรีคลัง ได้กล่าวค่อนข้างจะปกป้องเจ้าหน้าที่รายนี้ ทว่าล่าสุดเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการคลังรายนี้ก็ยอมลาออกจากตำแหน่งแล้ว
โดยสรุป สำหรับนักลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น อย่าลืมให้ความสำคัญกับปัจจัยการเมืองนี้ด้วยครับ