งานแถลงข่าว Alibaba’s 11.11 Global Shopping Festival 2020
อาลีบาบา กรุ๊ป ได้จัดงานแถลงข่าวมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ประจำปี 2563 หรือ 11.11 Global Shopping Festival 2020 ขึ้นสำหรับสื่อมวลชนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ณ โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ หังโจว เว็ทแลนด์ พาร์ค รีสอร์ท ที่เมืองหังโจว ในวันที่ 29 ตุลาคม โดยมีสื่อมวลชนเข้าร่วมงานแบบเวอร์ช่วลจากทั่วทั้งภูมิภาค
ผู้บริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และรูปแบบของงานในปีนี้ รวมถึงการนำระบบนิเวศ (Ecosystem) ของอาลีบาบามาใช้เพื่อสนับสนุนผู้ขายที่เข้าร่วมงาน 11.11 และไฮไลท์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในงานมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลกนี้ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้อาลีบาบา กรุ๊ป ตั้งเป้าให้เป็นการจัดงานครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มจัดมา
ในช่วงกล่าวต้อนรับ นายคริส ต่ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด อาลีบาบา กรุ๊ป เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมดิจิทัล และกล่าวถึงสิ่งที่อาลีบาบาจะทำเพื่อสนับสนุนแบรนด์ทั้งจากในจีนและจากต่างประเทศ ว่าจะมีอะไรรบ้างในงาน 11.11 ปีนี้
- เพิ่มจำนวนแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่มากขึ้น ในงาน 11 ปีนี้ เราจะได้เห็นแบรนด์และผลิตภัณฑ์มาเข้าร่วมบนแพลตฟอร์มเถาเป่าและทีมอลล์มากขึ้น โดยมีแบรนด์ใหม่เข้าร่วมทั้งหมด 250,000 แบรนด์ และผลิตภัณฑ์ใหม่มากกว่า 2 ล้านรายการ ในจำนวนนี้เป็นแบรนด์ใหม่จากต่างประเทศ 2,600 แบรนด์ ที่จะเข้าร่วมงาน 11.11 ในปีนี้เป็นครั้งแรก ส่วนแบรนด์หรูที่เข้าร่วมงานเป็นครั้งแรก อาทิ ปราด้า, คาร์เทีย, มองต์บลังค์, เพียเจต์, บาลองเซียก้า, โคลเอ้
- ขยายไปยังทั่วโลกมากขึ้น เพื่อขยายการเข้าถึงของงานในปีนี้ อาลีบาบา กรุ๊ป ได้นำเคาล่า (Kaola) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของบริษัทฯ เข้าร่วมงาน 11 ด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถนำเสนอสินค้าผ่านทีมอลล์ โกลบอล และเคาล่า ไปยัง 89 ประเทศทั่วโลกได้
- อีก 5 ไฮไลท์ที่น่าสนใจ
- ประสานการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยธุรกิจในระบบนิเวศของอาลีบาบา นับตั้งแต่ อาลีเพย์, ทีมอลล์ โกลบอล, ฟลิกกี้ ไปจนถึงแพลตฟอร์มจองตั๋ว เช่น เถาเปียวเปียว และต้าไหม เพื่อมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อตั้งแต่ต้นจนจบ
- ปฏิวัติงานเทศกาลจาก ‘โสด’ ไปเป็น ‘สองเท่า’ ในปีนี้ นับตั้งแต่แพลตฟอร์มที่เพิ่มขึ้นสองเท่า (เถาเป่า และอาลีเพย์) ระยะเวลาจัดงานที่เพิ่มขึ้นสองเท่า (เพิ่มจำนวนหน้าต่างช้อปปิ้งเป็นสองเท่าเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 1 – 3 พฤศจิกายน ก่อนเริ่มงานเซลส์ตามปกติในวันที่ 11 พฤศจิกายน) เพิ่มงานกาล่า (งาน Tmall 11.11 Livestreaming Grand Ceremony ในวันที่ 31 ตุลาคม และงาน Tmall 11.11 Countdown Gala ในวันที่ 10 พฤศจิกายน) ซึ่งทั้งหมดนี้เท่ากับเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับแบรนด์และผู้ขายในการนำเสนอสินค้าและเรื่องราวของตน และเพิ่มความสนุกให้กับนักช้อปทั่วโลก
- เน้นคนรุ่นใหม่ เพื่อดึงดูดผู้บริโภคเจน Z จะมีการนำเสนอเสื้อผ้าแนวสตรีทแฟชั่นและเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งรวมถึงสินค้าชิ้นใหญ่ เช่น รถยนต์ และบ้าน ซึ่งมีจำหน่ายบนแพลตฟอร์มเป็นครั้งแรก ไลฟ์สตรีมยังเป็นพระเอกของงาน ในปีนี้ โดยจะมีการจัดช่วงไลฟ์สดบนเถาเป่า ไลฟ์ ซึ่ง 60% เป็นการจัดโดยผู้ขาย และมีเซเลบบริตี้และศิลปิน 300 คน เข้ารวมการจัดช่วงไลฟ์สดตลอดงานครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
นายอัลวิน หลิว ประธานกรรมการ ทีมอลล์ เอ็กซ์พอร์ต แอนด์ อิมพอร์ต กล่าวเสริมเกี่ยวกับเรื่องการค้าข้ามพรมแดนที่กำลังเติบโต และการค้าขายผ่านออนไลน์ที่มีโอกาสมากขึ้น เนื่องจากทัศนคติของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกิดปรากฏการณ์ในตลาดคือ
- พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มีจำนวนมากขึ้น และมีการซื้อผ่านออนไลน์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าโรคระบาดจะสิ้นสุดลง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบริโภค
- ตัวอย่างหนึ่งคือยอดขายรวมทุกของทีมอลล์ โกลบอล ที่ไม่รวมคำสั่งซื้อที่ไม่มีการชำระเงิน มีการเติบโตขึ้นมากว่า 40% ในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- นอกจากนี้ชาวจีนยังมีการซื้อสินค้านำเข้าผ่านทางทางออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากโรคระบาดทำให้ไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้
- เทรนด์การบริโภคสินค้าประเภทใหม่ๆ โรคระบาดได้เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการบริโภค และทำให้เกิดเทรนด์การบริโภคใหม่ๆ โดยมีความต้องการของใช้จำเป็น ของใช้ในบ้าน และสินค้าสุขภาพ เพิ่มขึ้นอย่างมากและต่อเนื่อง แม้ว่าสถานการณ์โรคระบาดในประเทศจีนจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
- ไฮไลท์งาน 11
- เพิ่มสินค้าใหม่ โดยจะมีสินค้านำเข้ามากกว่า 2 ล้านรายการ เปิดตัวในงานนี้ และมีแบรนด์จากต่างประเทศ 2,600 แบรนด์เข้าร่วมงาน 11.11 เป็นครั้งแรก ตัวอย่างเช่น The Bravados ซึ่งแผนกจัดทำสินค้าและบริหารแบรนด์ของทาง Universal Music Group เพิ่งเปิดตัวร้านค้าบนทีมอลล์ โกลบอล ซึ่งนำเสนอสินค้าจากศิลปินระดับโลก เช่น Tupac, Guns N’ Roses, The Rolling Stones, Bob Marley และ Taylor Swift
- รูปแบบงานใหม่ โดยทีมอลล์ โกลบอลจะมีการถ่ายทอดสดผ่านไลฟ์สตรีมจากโกดังเก็บสินค้า เพื่อมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งที่โปร่งใส ปลอดภัย และไร้รอยต่อให้กับลูกค้า
- การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์อย่างแข็งแกร่งจากไช่หนียว เพื่อการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน
- โอกาสใหม่ๆ ในตลาด
- จีนถือเป็นตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีแบรนด์ต่างประเทศและผู้ขายให้ความสนใจชนชั้นกลางที่เกิดขึ้นใหม่ในจีนอย่างมาก และตลาดจีนกำลังจะเปลี่ยนไปเป็นดิจิทัลซึ่งมีมูลค่า 3 ล้านล้านหยวน ในปีที่ผ่านมาก จีนมีการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมด 5 ล้านล้านหยวน หรือมากกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในทางกลับกันการซื้อสินค้าแบบออนไลน์ในจีนกลับมีเพียง 6% ดังนั้นโอกาสในการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนจึงมีอีกอย่างมหาศาล
- ระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายนปีนี้ ทีมอลล์ โกลบอล และเคาล่า ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับจำหน่ายสินค้านำเข้า ภายใต้อาลีบาบา กรุ๊ป มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันถึง 63% ในตลาดซื้อขายสินค้าข้ามพรมแดนของประเทศจีน
สำหรับงาน 11.11 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจสสิก้า หลิว ประธานกรรมการร่วม และประธานฝ่ายพาณิชย์ภูมิภาค ของลาซาด้า กรุ๊ป เปิดเผยเกี่ยวกับจำนวนแบรนด์ท้องถิ่นที่เข้าร่วมมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลกของลาซาด้า รวมถึงเปิดเผยรายละเอียดบางส่วนที่นักช้อปจะได้เห็นในงานนี้
- จำนวนแบรนด์และผู้ขายมากขึ้น งานในปีนี้เราจะเห็นมุ่งเน้นในระดับภูมิภาคมากขึ้น โดยมีแบรนด์มากกว่า 70 แบรนด์เข้าร่วมกับลาซาด้าในการจัดแสดงในรูปแบบที่สนุกสนาน และนำเสนอสินค้าที่เป็นซิกเนเจอร์และสินค้าเด่นสำหรับงาน 11 โดยเฉพาะ ทั้งนี้มีผู้ขายและแบรนด์มากกว่า 350,00 รายจากทั่วทั้งภูมิภาคเข้าร่วมงาน 11.11 ในปีนี้ ซึ่งรวมถึง ลังโคม, อันเดอร์ อาเมอร์, สว็อทช์ และคาสตรอล นอกจากนี้ลาซาด้ายังมีการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับภูมิภาคคนแรก คืออีมินโฮ นักแสดงและนายแบบชาวชื่อดังชาวเกาหลีใต้
- เพิ่มคอนเทนต์ช้อปเปอร์เทนเมนต์มากขึ้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ลาซาด้าจะเปิดตัวเกมสำหรับงาน 11 โดยเฉพาะสำหรับทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในชื่อ Happy Bounce บนแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นเกม LazGames ซึ่งผู้เล่นสามารถได้รับเหรียญและคูปองจากลาซาด้าเพื่อนำไปใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า
- จัดงาน 11 Super Show เป็นประจำทุกปี เช่นเดียวกับงานกาล่า โชว์ ของอาลีบาบา ลาซาด้าก็มีงานที่เป็นซิกเนเจอร์คือ 11.11 Super Show ซึ่งมีเซเลบบริตี้และนักแสดงจากแต่ละประเทศมาร่วมเฉลิมฉลองงาน 11.11 ผ่านซีรี่ย์การแสดง ที่นักช้อปสามารถได้รับคูปองจากการชมการแสดงในส่วนต่างๆ ที่จัดสำหรับแต่ละประเทศ
- เครือข่ายโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงถึงกัน เครือข่ายโลจิสติกส์ของลาซาด้าครอบคลุม 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ 45 ราย คลังสินค้า 15 แห่ง และศูนย์บรรจุและกระจายสินค้ารวมทั้งฮับอีก 400 แห่ง ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดส่งขนาดใหญ่ ลาซาด้าได้เตรียมพนักงานคลังสินค้าและโลจิสติกส์มากกว่า 40,000 คน เพื่อสนับสนุนการจัดส่งที่จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาปกติราว 20 เท่า จากคำสั่งซื้อทั้งในและระหว่างประเทศ
เจมส์ เจา ผู้จัดการทั่วไป แผนกไช่เหนียวโกลบอล ซัพพลายเชน ของไช่เหนียวเน็ตเวิร์ค กล่าวถึงบทบาทของไช่เหนียวในงาน 11.11 และธุรกิจข้ามชาติของไช่เหนียว
- เทคโนโลยีล้ำสมัย ในฐานะหน่วยธุรกิจโลจิสติกส์ของอาลีบาบา ที่ผ่านมาไช่เหนียวได้ลงทุนไปกับเทคโนโลยีส่งเสริมโลจิสติกส์และนวัตกรรมรถลำเลียงสินค้ำอัตโนมัติ (AGV) เครื่องยนต์อัตโนมัติเก็บพัสดุและสมาร์ทล็อคเกอร์ เพื่อรองรับรายการสั่งซื้อจำนวนมากระหว่างงาน 11 ทั้งนี้เมื่อปีที่ผ่านมา ไช่เหนียวมียอดการจัดส่งสินค้ามากกว่า 1,800 ล้านรายการ
- ธุรกิจหลัก 3 ประเภท เพื่อรองรับผู้บริโภค ผู้ขาย และพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ ไช่เหนียวได้พัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานซัพพลายเชน เพื่อให้การสนับสนุนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้ง 3 ส่วนนี้ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งในระหว่างงาน 11 และการบริการประจำวัน
- สำหรับผู้บริโภค ไช่เหนียวมีการทำงานเป็นสองส่วนหลัก คือ ไช่เหนียว โพสต์ ที่ให้บริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน และไช่เหนียว กัวกัว ที่ให้บริการส่งสินค้าแบบมารับเอง
- สำหรับผู้ขาย ไช่เหนียว แบ่งบริการเป็นภายในประเทศ และบริการซัพพลายเชนทั่วโลก ซึ่งแต่ส่วนก็มีบริการ 3 รูปแบบ โดยภายในประเทศมีบริการ Omni-Channel Supply Chain Solution, C2M logistics และ City Delivery Network ส่วนซัพพลายเชนทั่วโลกมีบริการ Global LogisticsNetwork, Global Supply Chain และ Global Freight Network
- การจัดส่งที่ว่องไวและรวดเร็วขึ้น ด้วยสมาร์ทเทคโนโลยี ไช่เหนียวคาดว่าจะจัดส่งสินค้ากว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมดได้เร็วขึ้น 60% ลูกค้าในเมืองหลักๆ ของยุโรป อาทิ มาดริด ปารีส เบอร์ลิน และวอร์ซอ จะได้รับสินค้าภายใน 3 วัน
- สินค้านำเข้าไปยังจีน
- แบรนด์กว่า 26,000 แบรนด์ จาก 84 ประเทศและภูมิภาค ถูกส่งออกไปยังประเทศจีนโดยเครือข่ายซัพพลายเชนระดับโลกของไช่เหนียว
- คลังสินค้าต่างประเทศของไช่เหนียวมีการขยายเพิ่มเติมไปยัง 12 ประเทศใน 4 ทวีป สินค้าจากประเทศต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย สเปน จึงสามารถขนส่งไปยังประเทศจีนได้โดยตรง
- ไช่เหนียวมีคลังสินค้าหลายรูปแบบมากกว่า 100 แห่ง ใน 18 เมืองทั่วประเทศจีน ลูกค้าจะได้รับพัสดุจากต่างประเทศภายในครึ่งวัน ซึ่งรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 10%
- สินค้านำเข้าที่สต็อกไว้ในคลังสินค้าของไช่เหนียวมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากตามความต้องการของผู้บริโภคในจีน สินค้าในหมวดความงาม สุขภาพ และสินค้าเด็ก เพิ่มขึ้น 1 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- สินค้าที่ส่งออกจากประเทศจีน
- ไช่เหนียวใช้เที่ยวบินชาร์เตอร์กว่า 700 เที่ยว ในการส่งออกสินค้า 90% จากจีนไปยังจุดหมายโดยตรง
- นี่คือโอกาสของธุรกิจการค้าระหว่างประเทศของจีนที่ต้องการขยายไปยังตลาดต่างประเทศ ในปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนพัสดุจากงาน 11 ที่ส่งข้ามแดนมากขึ้นถึง 20 เท่าต่อวัน
- บริการสำหรับผู้บริโภคภายในประเทศ
- ไช่เหนียวได้ติดตั้งเครื่องรับพัสดุด้วยตนเองใน 150 เมืองทั่วประเทศจีน และศูนย์จัดส่งพัสดุของไช่เหนียวจะเปิดให้บริการถึงช่วงดึก เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากกว่าปกติตลอดช่วงงาน 11
แบรนด์ได้รับเชิญให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการร่วมงาน 11.11 ในปีนี้ และแนะนำถึงกระบวนการที่แบรนด์ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับอาลีบาบาเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า
- นายเมาโร แมคจิโอนี่ ประธานเจ้าหน้าบริหาร ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ของ Golden Goose
- แบรนด์สัญชาติอิตาเลียนที่ก่อตั้งในปี 2543 จนกลายเป็นแบรนด์สัญชาติอิตาเลียนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา โดยโด่งดังในด้านการผลิตงานฝีมือที่มีคุณภาพชั้นเยี่ยม
- แบรนด์เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกา โดยปัจจุบันมีร้านค้าถึง 120 ร้าน ที่ไม่รวมร้านค้าออนไลน์และร้านค้าส่ง
- เมื่อเดือนสิงหาคมปีนี้ แบรนด์ได้ร่วมกับทีมอลล์เปิดตัวร้านค้าบนแพลตฟอร์ม และจะเข้าร่วมงาน 11 เป็นครั้งแรก พร้อมทั้งเปิดตัวคอลเล็คชั่นพิเศษบนทีมอลล์