2018 Trends (BangkokBizNews)
บทความนี้จะขอประเมินการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์เศรษฐกิจและธุรกิจในปี 2561 เพื่อลองหาธุรกิจที่น่าจะได้รับความสนใจ ดังนี้
เทรนด์แรก ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า EV และอุปกรณ์ต่อพ่วง จะมาแรงเพราะราคาน้ำมันเป็นขาขึ้น
ผมมองว่าถือเป็นครั้งแรกที่การขึ้นของราคาน้ำมันเกิดจากเหตุการณ์ขั้นแตกหักของ ราชวงศ์ในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของ OPEC จึงถือได้ว่าเป็นการขึ้นราคาน้ำมันแบบ ‘This time is different’ โดยที่เหตุการณ์เช่นนี้ไม่จบลงในเร็ววันแน่นอน ประกอบกับ อุปสงค์น้ำมัน ของจีนสู่จุดที่สูงมากในรอบหลายปี
การนำเข้าน้ำมันของจีนประมาณ 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถือได้ว่าเกินระดับของสหรัฐ จนได้กลายเป็นผู้นำเข้าน้ำมันอันดับหนึ่งของโลก
พรีเมียมระหว่างราคาที่ขายให้กับผู้ซื้อชาวเอเชีย กับราคาอ้างอิงของโอมาน และดูไบอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี เราจึงมองว่าตรงนี้ถือเป็น mini-Structural change ของราคาน้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสแรกของปี 2561
ดังนั้น จึงมองว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า Electric Vehicle หรือ EV จะมาในปีหน้า
เทรนด์ที่สอง ได้แก่ การปล่อยกู้แบบ Peer-to-Peer กำลังค่อยๆมา เมื่อสถาบันการเงินถึง ยุคปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI แบบเต็มตัว โดยมองว่าเซคเตอร์ที่น่าจะได้รับผลกระทบจาก AI เร็วและมากที่สุดคือ เซกเตอร์สถาบันการเงิน และ non-bank
หากสถาบันการเงินใดสามารถ ride the wave ของนวัตกรรมอย่าง AI หรือ Fintechได้รวดเร็ว และครอบคลุมกับธุรกิจทางการเงินของตนมากเพียงใด ก็จะสามารถมีผลประกอบการที่ดีได้ในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันการเงินที่มีขนาดใหญ่และ non-bank ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ที่แยกบริษัทย่อยหรือแยกหน่วยไปพัฒนาและประยุกต์ AI หรือ Fintech ในการประกอบธุรกิจ ที่อาศัย Economies of Scale ในการใช้นวัตกรรมเพื่อเติมมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของตนเอง ซึ่งยุคของการปล่อยกู้แบบ Peer-to-Peer กำลังค่อยๆถือกำเนิดแบบเงียบๆ
เทรนด์ที่สาม ได้แก่ ธุรกิจ โฮมสเตย์ แบบ Airbnb จะบูมในต่างจังหวัด จากการที่ ครม. เห็นชอบมาตรการภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง ใน 55 จังหวัด ตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 61 โดยสามารถนำค่าใช้จากการท่องเที่ยวมาคิดเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท โดยไม่จำเป็นต้องพักเฉพาะโรงแรมเท่านั้น แต่เป็นรีสอร์ต โฮมสเตย์ ได้เช่นกัน ซึ่งตรงนี้ จะเป็นโอกาสของธุรกิจของโฮมสเตย์ในช่วงที่ประชาชนเข้าถึง Social Network ได้ง่าย
เทรนด์ที่สี่ ได้แก่ ตัวเลข GDP ที่ออกมาในไตรมาสที่สาม ปี 2017 ที่ร้อยละ 4.3 และยอดการผลิตรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ซึ่งเติบโตได้แบบน่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก
หากพิจารณาไส้ในของตัวเลขรายได้ของแรงงานภาคนอกเกษตร ที่ขยับสูงขึ้นมาในไตรมาส 3 หลังจากที่รายได้ในแรงงานภาคเกษตรได้สูงขึ้นใน อัตราระดับตัวเลข 2 หลัก มาสองไตรมาสติดต่อกัน ทำให้เรามองว่าเซคเตอร์ของธุรกิจที่ปล่อยสินเชื่อรายย่อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมวดเช่าซื้อทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ น่าจะได้รับอานิสงส์ในแง่ปริมาณสินเชื่อที่สูงขึ้นจากรายได้ของแรงงานที่ขยับสูงขึ้นแบบทั่วถึงทุกภาคส่วนของประเทศ ดังนั้นธุรกิจเกี่ยวกับการปล่อยกู้และการซื้อขายชิ้นส่วนรถยนต์เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ
เทรนด์ที่ห้า ธุรกิจเกี่ยวกับยางพารา น่าจะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐเป็นพิเศษในปีหน้า ส่วนหนึ่งเนื่องจากนโยบายการกระจายรายได้ให้กับทุกภาคของประเทศ โดยแผนการณ์ต่างๆ ของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเติมการประยุกต์ใช้ยางพารา และการดูแลด้านราคายางพาราให้กับเกษตรกร ผ่านมาตรการกระตุ้นการใช้ยางในประเทศของรัฐบาลในรอบนี้ ถือว่ามีความน่าเชื่อถือ น่าจะทำให้ราคายางในประเทศสูงขึ้นอย่างน้อยก็ในช่วงปีหน้า
เศรษฐกิจในภาคใต้ก็น่าจะคึกคักขึ้น จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของเกษตรกรชาวสวนยาง การค้าขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้ ก็น่าจะได้อานิสงส์ในส่วนนี้เช่นกัน
ท้ายสุด การที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดำเนินการเกี่ยวกับ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วยการใช้ม.44 ผ่าทางตันข้อติดขัดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์สำหรับอีอีซีในปีนี้นั้น ส่งผลให้การเร่งให้เอกชนสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก จะส่งผลดีในต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมโดยตรง เนื่องจากจะสามารถทำให้การพัฒนาเขตพื้นที่ใกล้เคียงสามารถทำได้รวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม ธุรกิจต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับอีอีซี ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณูปโภค และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บริเวณรอบระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ในปีหน้า
ลองพิจารณาความถนัดและความพร้อมของคุณว่าจะใช้ประโยชน์จากเทรนด์ธุรกิจที่กล่าวไว้ข้างต้นในปีหน้า เพื่อความก้าวหน้าของท่านผู้อ่าน สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ